เกมพรีเมียร์ลีกคู่กลางสัปดาห์ที่ผ่านมามีทีมน่าสนใจลงเล่นกันครบครันโดยอีกเกมที่อยากพูดถึงคือพลพรรค “เรือใบสีฟ้า” ที่ต้องออกไปเยือนถิ่นเซนต์ เจมส์ พาร์ค ของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด แถมได้ประตูออกนำก่อนตั้งแต่ช่วงยังไม่ถึง 1 นาทีแรก ทว่าในตอนท้ายกลับกลายเป็นพวกเขาพลาดท่าปราชัยให้กับทัพ “สาลิกาดง” จนเวลานี้แต้มที่ตามห่างลิเวอร์พูลดูเหมือนจะขยับหนีออกไปไกลมากขึ้นทุกที เผลอ ๆ เราอาจได้เห็นแชมป์ลีกภายในเวลาอันรวดเร็วกว่าที่คาดไว้ก็ได้
ถือว่าซีซั่นนี้ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีปัญหากับการลงสนามมากพอสมควร ไม่แข็งแกร่งเหมือนกับเมื่อซีซั่นก่อน โดยมีการทำสถิติออกมาตั้งแต่นัดเปิดสนามจนถึงเกมล่าสุดกับ นิวคาสเซิ่ล นี้พวกเขาทำแต้มหลุดมือไปถึง 16 แต้มแล้ว นับว่ามากกว่าซีซั่นก่อนอยู่หลายเท่าตัวเหมือนกัน คำถามที่แฟนบอลสงสัยคือปีนี้ทีมแชมป์เก่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ความจริงหากมองหาคำตอบคงต้องย้อนกลับไปถามว่าเมื่อซีซั่นก่อนพวกเขาทำผลงานได้สุดยอดมาได้อย่างไรมากกว่า เพราะมาตรฐานทีมฟุตบอลทั่วไปก็คือสิ่งที่ แมนฯ ซิตี้ กำลังเป็นอยู่ในเวลานี้ มีแพ้หรือเสมอบ้างประปรายทว่าเมื่อตอนปีก่อนพวกเขาแทบจะเก็บชัยชนะได้แบบ 100% เต็ม
กับการแพ้ให้กับลูกทีมของ ราฟาเอล เบนิเตซ เหมือนจะกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับบรรดาทีมตามหลังทั้งหลายได้ฮึดสู้ขึ้นมาด้วย โดยเฉพาะ สเปอร์ส ที่ฟอร์มในช่วงหลังออกอาการเป๋อย่างเห็นได้ชัด คงต้องพยายามทำแต้มไล่ล่าเสียหน่อยเผื่อว่า ลิเวอร์พูล เกิดพลาดพลั้งขึ้นมา พวกเขาจะได้กลับมาอยู่บนเส้นทางของการลุ้นแชมป์อีกครั้ง หรือเป็นไปได้ว่าช่วงนี้ แมนฯ ซิตี้ ลงเตะหลายรายการมากเกินไป เรียกว่าพวกเขายังมีลุ้นทั้ง 4 แชมป์ในซีซั่นนี้เลยก็ว่าได้ เมื่อกลางสัปดาห์ก่อนเตะลีก คัพ มาสุดสัปดาห์เตะเอฟเอ คัพ ต่อด้วยกลางสัปดาห์บอลลีก ไหนจะสัปดาห์หน้าที่มีทั้งบอลลีกวันสุดสัปดาห์และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีก
การบริหารตัวผู้เล่นของ เป๊ป เวลานี้จัดว่าเหนื่อยใช่เล่น เขาต้องจัดทีมเพื่อให้เหมาะสมกับการลงสนามแต่ละเกมมากที่สุด แม้จะได้นักเตะดี ๆ หลายคนกลับคืนมา แต่ด้วยการลงเล่นที่ถี่ยิบมาก ๆ มันอาจทำให้พวกเขาตกม้าตายเอาได้ง่าย ๆ โดยไม่มีแชมป์อะไรติดมือเลย ขณะที่กองแช่งอย่าง ลิเวอร์พูล ตอนนี้ สิ่งเดียวที่ลุ้นคือลุ้นให้ แมนฯ ซิตี้ แพ้ภัยตัวเองไปเรื่อย ๆ เพื่อตอนสุดท้ายพวกเขาจะเข้าวินเอง